วันพฤหัสบดี, 2 พฤษภาคม 2567

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าชี้แจงความคืบหน้าคดีสำคัญลอบยิงเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.ประจัน”

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงความคืบหน้าคดีที่สำคัญ กรณีคนร้ายลอบยิงเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.ประจัน และการบิดเบือนข่าวสาร

เมื่อ 18 มกราคม 2562 เวลา 0930 พันเอก ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยความคืบหน้าคดี คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิง เจ้าหน้าที่ อส.ชคต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิต 4 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ รปภ. ครูอยู่ภายในโรงเรียนบ้านบูโกะ หมู่ที่ 5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งมีผู้นำไปบิดเบือนข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร กองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงดังนี้

กรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.ประจัน อ.ยะรัง เสียชีวิต 4 นาย

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ขณะ รปภ.ครูโรงเรียนบ้านบูโกะนั้น เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี และตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ได้สืบสวนหาข่าวขยายผลติดตามจับกุมคนร้ายทันทีหลังเกิดเหตุ และได้เกิดการปะทะกับ กลุ่มคนร้ายบริเวณ หมู่ที่ 3 ต.ตันหยงลุโล๊ะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้บังคับใช้กฎหมายเข้าจับควบคุมตัวคนร้ายได้ 1 คน คือ นายมะกรี อิสอปุเต๊ะ อายุ 45 ปี ยึดอาวุธปืนอาก้า ได้ 1 กระบอก และรถจักรยานยนต์ 5 คัน พร้อมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายทหารพรานที่ใช้แต่งขณะก่อเหตุ จากนั้นเมื่อ 12 มกราคม 2562 เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลติดตาม
จากแหล่งข่าวภาคประชาชน ว่ามีคนร้ายหลบหนีซ่อนตัวอยู่บริเวณ หมู่ที่ 3 ต.ตะโละกะโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จึงได้ติดตามลงพื้นที่ ได้เกิดปะทะกับคนร้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย ซึ่งระหว่างเจรจา
กับคนร้ายทราบว่า มีเด็กได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย จึงได้รีบเข้าไปช่วยเหลือนำเด็กไปส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล และได้เกิดการปะทะอีกรอบ ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย และยึดอาวุธปืนได้ 2 กระบอก จากการตรวจสอบคนร้ายทั้ง 2 ราย
มีหมายจับหลายหมาย จากการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่าปลอกกระสุนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิง อส. พบว่า
ใช้ปืนจำนวน 6 กระบอก มีหลักฐานเชื่อมโยงคดีความมั่นคง 5 กระบอก ใช้ก่อเหตุมาแล้วหลายคดี มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพื่อสอบสวนขยายผลจำนวน 5 คน จากพยานหลักฐานทั้งบุคคลเสื้อผ้าเครื่องแบบทหารพรานที่ยึดได้ และผลพิสูจน์กระสุนปืนล้วนเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตามที่ กลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามบิดเบือนทางสื่อสังคมออนไลน์

Loading