วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

รมช.คมนาคม”พร้อมคณะลงพื้นที่ เร่งสอบที่มาสารเคมีซุกตู้คอนเทนเนอร์แหลมฉบัง”

ต้องหาที่มา ที่ไปให้เจอ !! รมช.คมนาคม พร้อมคณะลงพื้นที่ เร่งสอบที่มาที่ไปสารเคมีซุกตู้คอนเทนเนอร์แหลมฉบัง กำชับมาตราการป้องกันและดูแลผู้เสียหายและผู้บาดเจ็บ


นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะลงพื้นที่ท่าเทียบเรือเอ2ในท่าเรือแหลมฉบัง หลังเกิดเหตุตู้สินค้าบรรจุสารเคมีเกิดระเบิด ไฟไหม้ขึ้นส่งผลเกิดสารเคมีลอยฟุ้งกระจายไปยังรอบๆบริเวณท่าเรือแหลมฉบังเป็นระยะทางกว่า5กม.ทำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยโดยรอบท่าเรือได้รับผลกระทบกว่า1.300คน ทรัพย์สินเสียหายอีกเป็นจำนวนมาก ทางด้านนายไพรินทร์ ชูชิตถาวร รมช.คมนาคมได้กล่าวว่าการมาตรวจพื้นที่เกิดเหตุในครั้งนี้ใด้เร่งให้ผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมควบคุมมลพิษ กรมเจ้าท่า การท่าเรือแห่งประเทศไทยตรวจสอบสาเหตุที่มาของสารเคมีในตู้คอนเทนเนอร์ที่เกิดเพลิงไหม้ บริเวณท่าเรือ แหลมฉบัง ขณะที่เจ้าของตู้ยอมรับบรรทุกสารเคมี 2 ชนิด คือ ผงแคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ และสารคลอริเนเตท พาราฟิน แวกซ์ ด้านนายนายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือ A2 ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่า คพ.พร้อมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 และสำนักงานทรัพยากรกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี และ ปภ.ชลบุรี กรณีเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง พบว่าสารเคมีที่บรรทุกมา มีผงแคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ (calcium hypochlorite )13 ตู้คอนเทนเนอร์ สารคลอริเนเตท พาราฟิน แวกซ์ แบบของเหลว จำนวน 5 แทงค์ ซึ่งเกิดเพลิงไหม้บางแทงค์ โดยกองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย และศูนย์ควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ได้ติดตามตรวจสอบผลกระทบเพิ่มเติม นอกจากนี้มีรายงานว่าสารเคมีที่พบในตู้คอนเทนเนอร์ ไม่มีการสำแดงนำเข้ามาในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งสอบสวนหาแหล่งที่มาของสารเคมีดังกล่าว ส่วนประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่ได้ลงทะเบียนใว้ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาให้ครบทุกราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับท่าเรือแหลมฉบังซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญของประเทศให้มีศักยภาพด้านการขนส่งสินค้าทางน้ำในภูมิภาคกลับคืนมาโดยเร็ว

ภาพ/ข่าว สมชาย แก้วนุ่ม   ทีมข่าวภูมิภาค
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

Loading