นครปฐม050868รอง ผบช.ภ.7 แถลงข่าวความคืบหน้าคดีคานปูนและเครนก่อสร้างถนนยกระดับบนถนนพระราม 2
วันที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 14.30 น.พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรถาค 7 แถลงข่าวความคืบหน้าคานปูนถล่มเพื่อสรุปสำนวนปิดคดี ด้วยเหตุในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เกิดเหตุคานปูนและเครนก่อสร้างถนนยกระดับบนถนนพระราม ของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว ตอน 1 ช่วง กม.21+600 เขตพื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 2 ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร หล่นจากที่ติดตั้งลงมาเป็นเหตุให้มีคนงานรับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ ผู้เสียชีวิต จำนวน 6 ราย นายอภิวัฒน์ พะพันทาง อายุ 30 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุนายเอหรือAYAR อายุ 37 ปี เสียชีวิตที่ รพ.สมุทรสาครนายสุทัศน์ บุญเรื่อง อายุ 31 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตที่ รพ.มหาชัย นายชิต โกโก เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
นายเพียว โก โก เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
นายอ่อง เทียน เท เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ผู้บาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ใน รพ.สมุทรสาคร จำนวน 4 รายนายนัน โกโก อายุ 24 ปี เมียนมา นายเบ ดา อายุ 34 ปี เมียนมา นายวรยศ ศรีรีเวช อายุ 25 ปี
นายพสิน ผิวทน อายุ 19 ปีรักษาที่ รพ.เอกชัย จำนวน 1 รายนายพงษ์ศักดิ์ นรสาร อายุ 35 ปีรักษาที่ รพ.วิชัยเวชสมุทรสาคร จำนวน 1 ราย นายทรงวุฒิ พุทธเสน อายุ 18 ปีเศษผู้บาดเจ็บที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน จำนวน 3 รายนายสอย โกโก อายุ 20 ปี ถลอกที่ศีรษะนางสาวเมตู มิน อายุ 32 ปี เป็นลมนายอองซอ นิน อายุ 31 ปี ถลอกร่างกายสรุป เสียชีวิต 6 (คนไทย 2 ต่างด้าว 4) บาดเจ็บ 9 (คนไทย 4 ต่างด้าว 5) ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว นั้น
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหางานสอบสวนอันเป็นอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ให้ตำรวจเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนอย่างแท้จริง ตำรวจภูธรภาค 7 โดยการนำของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รับผิดชอบฝ่ายกฎหมายและสอบสวน เข้าควบคุมกำกับดูแลการสอบสวนในคดีดังกล่าว เพื่อสอบสวนถึงสาเหตุและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ประชาชนผู้สัญจร ทั่วไป
พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 , พล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร , พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และ พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร เห็นว่า เหตุดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำมาหลายครั้งแล้ว มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ต่อเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง จึงได้เร่งรัด กำชับ การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ให้มีความศักดิ์สิทธิ์เกิดความผาสุกแก่ประชาชนไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีกต่อไป ซึ่งได้เร่งรัดการทำงานสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด นั้น ในวันนี้จึงได้จัดประชุมเพื่อสรุปสำนวนปิดคดี
สรุป ผลการสอบสวนได้ ดังนี้
ได้แยกดำเนินคดีแบ่ง เป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มอาญา บุคคลธรรมดา ส่งพนักงานอัยการดำเนินคดีฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ,มาตรา 300 , มาตรา 390ฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238
ดำเนินคดีกับวิศวกรผู้ควบคุมงานของบริษัท อุดมศักดิ์ เชียงใหม่ จำกัดนายช่างฯผู้ควบคุมงานของกรมทางหลวงหัวหน้าคนงาน บริษัท พีเอซีไอ คอนสตรัคชั่น จำกัดกลุ่มอาญานิติบุคคล บริษัท ฯ ผู้รับเหมาที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับรัฐ และบริษัท ฯ ผู้รับจ้างช่วง ฐานเป็นผู้กระทำความผิดในทางอาญา ส่งพนักงานอัยการดำเนินคดีฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ,มาตรา 300 , มาตรา 390ฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238พระราชบัญญัติอาชีวอนามัย ฯพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ฯดำเนินคดีกับบริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด ผู้รับจ้างหลัก บริษัท พี เอส ซี ไอ คอนสตรัคชัน จำกัด ผู้รับจ้างช่วง
กลุ่มความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงาน(เจ้าหน้าที่ของรัฐ) ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ดำเนินการในอำนาจหน้าที่ ต่อไปฐาน ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238ดำเนินคดีกับหัวหน้าผู้รับผิดชอบควบคุมโครงการที่เกิดเหตุของ กรมทางหลวงกลุ่มผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด คือ บริษัท ฯ ผู้รับเหมาที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับรัฐ และบริษัท ฯ ผู้รับจ้างช่วง ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานให้กระทำความผิด ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ดำเนินการในอำนาจหน้าที่ ต่อไปฐาน ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำ ความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก นั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสอง ในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้นดำเนินคดีกับบริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด ผู้รับจ้างหลัก บริษัท พี เอส ซี ไอ คอนสตรัคชัน จำกัด ผู้รับจ้างช่วง
ตำรวจภูธรภาค 7 ขอเรียนว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญกระทบต่อความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย และกระทบต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างยิ่งกระทบต่อมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ กระทบต่อเศรษฐกิจความเชื่อมั่นของประเทศโดยรวม
จึงได้ให้คำมั่นว่าจะทำให้เป็นคดีตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพและให้เกิด ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นซ้ำอีก ในเส้นทางพื้นที่รับผิดชอบ บนเส้นทางถนนพระราม 2 ต่อไป